UFABETWINS คิง เคนนี่ : หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว
UFABETWINS หลังทำได้เพียงมองดูโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร่ห์ ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาโดยที่ตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรได้ทั้งนั้น เคนนี่ ดัลกลิช ก็รู้ดีว่าชีวิตของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
วันแสนโศกเศร้า เมื่อ 31 ปีก่อน คนเป็นผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ในตอนนั้นไม่สามารถทำอะไรได้เลยตอนที่แฟนบอล 96 คนเสียชีวิต
![คิง เคนนี่ : หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว](https://static.siamsport.co.th/files/images/GettyImages-650303526.jpg)
อย่างไรก็ตาม หลังโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดของวงการกีฬาสหราชอาณาจักรผ่านพ้นไป เขาก็ให้คำมั่นว่าจะทำทุกทางเท่าที่จะทำได้เพื่อปลอบประโลมและจะคอยให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
เคนนี่ จับมือกับ มาริน่า ภรรยาคู่ชีวิต ติดต่อไปหาคนสนิทของผู้เคราะห์ร้าย เพื่อให้มั่นใจว่าสโมสรจะคอยอยู่เคียงข้างพวกเขา และสัญญาว่าจะไปร่วมงานศพของแฟนบอลเหล่านั้นทุกคน
![คิง เคนนี่ : หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว](https://static.siamsport.co.th/files/images/Kenny-Dalglish-at-the-memorial-service-for-the-victims-of-the-Hillsborough-disaster-at-Liverpool-Anglican-Cathedral-1989.jpg)
ดัลกลิช พาผู้เล่นอย่าง อลัน แฮนเซ่น, จอห์น บาร์นส์ และบรู้ซ กรอบเบล่าร์ เป็นอาสาสมัครให้บริการภายในโบสถ์ รวมถึงมีส่วนร่วมในการอ่านถ้อยคำจาก พระคัมภีร์ไบเบิล
ช่วงนั้น ดัลกลิช และ มาริน่า ต้องตระเวนร่วมงานศพถึง 4 งานต่อวัน โดยมีตำรวจนำทางเพื่อให้ไปสู่จุดหมายโดยไว
สิ่งที่ ดัลกลิช ลงมือทำคือ คงให้สังคมที่ตอนนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้ายังรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเช่นเดิมได้
เขารับรู้ถึงความสูญเสีย และเห็นใจครอบครัวผู้เสียชีวิตประหนึ่งว่าคนเหล่านี้เป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน
แน่นอน การปฏิบัติตัวแบบนั้น ทำให้ ดัลกลิช ถูกจดจำไปตลอดกาลในย่าน เมอร์ซี่ย์ ไซด์
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าว ลึกๆ ลงไปมันส่งผลกระทบต่อจิตใจเขาเอามากๆ ถึงขั้นว่าเก็บอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเครียด
![คิง เคนนี่ : หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว](https://static.siamsport.co.th/files/images/2077773233.jpg)
เบื้องหน้า เคนนี่ อาจมีสีหน้าที่แข็งขัน แต่เบื้องหลัง จะมีแค่คนที่อยู่กับเขาเท่านั้น ที่รู้ว่า ดัลกลิช ก็ร้องไห้เป็น เขาเป็นห่วงเหยื่อกับคนที่ต้องสูญเสียคนรักไป มากกว่าจะทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุด ความเครียดก็เล่นงานผ่านให้เห็นทางร่างกาย เคนนี่ เป็นโรคงูสวัด และต้องรับการฉีดยาทุกวันเพื่อทำให้ผื่นแดงบนตัวไม่ลามไปมากกว่านี้ พร้อมกับการที่ตัวเองก็ต้องกินยานอนหลับควบคู่ไปด้วยเช่นกัน
ตอนอยู่ที่บ้าน เคนนี่ กลายเป็นคนที่หัวเสียง่าย และปลดปล่อยอารมณ์นั้นออกมาเต็มที่ ขณะเดียวกัน พออยู่ในสนาม สมาธิที่เคยมีก็แตกซ่าน ส่งผลให้การทำงานยากก็ขึ้นเรื่อยๆ
ถึงอย่างนั้น ดัลกลิช ก็ไม่เคยแสดงให้เห็นเลยว่าตัวเองน่าสงสารแค่ไหน เขาย้ำอยู่เสมอว่า สิ่งที่เขาเผชิญอยู่มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตต้องเจอ
![คิง เคนนี่ : หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว](https://static.siamsport.co.th/files/images/14-dalgliesh-clough.jpg)
หลังจากนั้นในปี 1991 หรือ 21 เดือนหลังเกิดโศกนาฏกรรม ดัลกลิช ลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล แบบไม่มีใครคาดคิด ทั้งที่ตัวเองเพิ่งพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 18 มาครองได้
เคนนี่ เผยว่าเรื่องการเปลี่ยนตัวในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน คือสาเหตุที่เขายื่นใบลาออก “ถ้าผมตัดสินใจเรื่องแบบนั้นไม่ได้แล้ว ผมก็ไม่สมควรได้อยู่กับทีมหรอก”
แต่อีกกระแสก็ว่า จริงๆ แล้วเหตุผลที่แท้จริงคือเพราะ เรื่องโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร่ห์
ทว่าในเวลาต่อมา ลูกสาวของ เคนนี่ ออกมาบอกเองว่า ต่อให้เรื่องเหตุการณ์เป็นต้นเหตุจริงๆ คุณพ่อของเธอ ก็จะไม่มีวันยอมรับเด็ดขาดหรอกว่า เรื่องนี้คือเหตุผลที่เขาต้องลาออก
…
ราวปีก่อน เคนนี่ ยอมรับว่าเขาไม่สนใจเรื่องสุขภาพของตัวเองเลย เพื่อแลกกับการที่จะทำให้เหล่าคนที่เสียคนรักไป ได้รู้สึกผ่อนคลาย
“สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคือการรับมือกับสิ่งที่ครอบครัวเหล่านั้นต้องเจอ “
“ผมก็พร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งนั้น ถ้ามันต้องแลกมากับการที่ผมจะไม่ได้สนใจเรื่องของตัวเองมันก็ไม่เป็นไรหรอก ยังไงซะผมก็เป็นคนที่สำคัญน้อยที่สุด”
“นอกจากนี้ ผมก็ไม่เคยใส่ใจเรื่องของตัวเองอยู่แล้ว การใส่ใจตัวเองเป็นเรื่องที่ปกติแล้วผมไม่ได้ทำเท่าไหร่”
“ดังนั้นผมจึงคิดว่ามัน(หมายถึงการที่เขาให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าตัวเอง) ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร”
“ผมมีตัวตนก็เพื่อคอยปลอบ, ให้ความช่วยเหลือ, ยื่นมือเข้าไปช่วย หรืออะไรก็ตามที่จำเป็นต้องทำ และเราก็พร้อมอยู่เคียงข้างครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตอยู่เสมอ ไม่ว่าครอบครัวเหล่านั้นอยากให้เราเป็นอะไรให้กับพวกเขาก็ตาม”
“ต่อให้บางครั้งคุณให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าตัวเอง ผมก็ไม่เห็นเลยว่ามันจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม”
“ในมุมมองของเราแล้ว เราโชคดีมากๆ ที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเรา มันไม่ได้เป็นความเสียหายแบบถาวรเหมือนที่ครอบครัวเหล่านั้นต้องเจอ”
“ถ้าเกิดเราได้รับความเสียหายแค่นิดหน่อยมันก็ไม่เป็นอะไรหรอก ส่วนความช่วยเหลือที่เรามอบให้เหล่าคนที่ต้องการมันมากที่สุดในช่วงนั้น ผมมองว่ามันเป็นค่าใช้จ่าย เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
…
เหตุการณ์ที่ ฮิลส์โบโร่ห์ ไม่ใช่ โศกนาฏกรรม เดียวที่ เคนนี่ ดัลกลิช เคยพบเจอ
เมื่อปี 1971 ดัลกลิช อยู่ในฝูงชนวันที่มีผู้เสียชีวิต 66 ราย จากการแออัด เหยียบกันที่สนาม ไอบร็อกซ์ รวมถึงอยู่บนสนามตอน โศกนาฏกรรมเฮย์เซล ที่คร่าชีวิตแฟนบอลไป 39 ศพ ในปี 1985
![คิง เคนนี่ : หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว](https://static.siamsport.co.th/files/images/1452002_heroa.jpg)
แต่สำหรับ โศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร่ห์ ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ ดัลกลิช เสียใจมากที่สุด…
ช่วง 20 นาทีแรกหลังเกิดเหตุการณ์แฟนบอลเหยียบกันจนตายก่อนหน้าเกมกับ น็อตติ้งแอม ฟอเรสต์ ที่สนามฮิลส์โบโร่ห์ เมื่อวันที่ 15 เมษายน ปี 1989 นับเป็นช่วงเวลาที่น่าหดหู่มาก และมันก็น่าหวาดกลัวมากขึ้นไปอีกเมื่อ พอล ลูกชายของ เคนนี่ อยู่ในกลุ่มแฟนบอล ลิเวอร์พูล ตรงอัฒจันทร์ เล็ปปิ้งส์ เลน
วินาทีที่ พอล เดินลัดสนามเข้ามาหาพ่อของตัวเอง ในหัวของ ดัลกลิช ก็คิดถึงครอบครัวอื่นๆ ที่ต้องเสียลูกชายหรือลูกสาวไปจากเหตุการณ์วันนั้นทันที เพราะตอนนั้นเขาก็มีความคิดที่ว่าจะสูญเสียลูกชายไป
ดัลกลิช รักษาสัจจะที่ตัวเองว่าไว้ ซึ่งทำให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 96 คนซาบซึ้งจนถึงทุกวันนี้และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
![คิง เคนนี่ : หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว](https://static.siamsport.co.th/files/images/Former-Liverpool-coach-Ronnie-Morans-funeral-at-St-Lukes-Church-in-Crosby-Picture-Jason-Roberts.jpg)
อย่างไรก็ตาม ภาพที่เขาเห็นก็ทำให้เกิดความบอบช้ำทางจิตใจเอามากๆ และ เคนนี่ ก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นเดียวกันกับคนที่ต้องเสียคนรักไป ซึ่งเขาเก็บความรู้สึกนั้นทั้งหมดเอาไว้ในใจ
ดัลกลิช ปฏิเสธที่จะเข้ารับการบรรเทาจิตใจหลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ ซึ่งก็เหมือนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยไม่รับการช่วยเหลือจากแพทย์เพื่อบรรเทาความเครียดที่สโมสรส่งตัวมาถึงออฟฟิศ
เคลลี่ ลูกสาวของ เคนนี่ เผยกับรายการโทรทัศน์ว่า “ฮิลส์โบโร่ห์ ทำลายพ่อทั้งเป็น”
“ทุกๆ อารมณ์และความเครียดของเหตุการณ์ที่ ฮิลส์โบโร่ห์, ทุกๆ ความรับผิดชอบที่ท่านแบกรับเอาไว้ มันส่งผลกระทบถึงท่านเต็มๆ “
ส่วน พอล เด็กน้อยที่อยู่สนามในวันนั้น เล่าใน “Kenny” ภาพยนต์เกี่ยวกับคุณพ่อของตัวเองที่ฉายในปี 2017 ว่า “ท่านไม่เคยสนใจอ่านข้อมูลที่เยอะแยะมากมายเลย (หมายถึงสนใจช่วยคนมากกว่าอ่านข้อมูลเพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น) เพราะท่านรู้สึกว่าความจำเป็นของท่านมันน้อยกว่าคนอื่นๆ เยอะ”
“และผมก็ไม่เคยพูดกับคุณพ่อถึงเรื่องที่ ฮิลส์โบโร่ห์ เลย”
…
เคนนี่ ไม่กลับไปเหยียบ ฮิลส์โบโร่ อีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น ขนาดตอนที่โปรดิวเซอร์ภาพยนต์ อยากจะถ่ายฉากหนึ่งที่ให้เขาไปที่สนามดังกล่าว แต่ ดัลกลิช ยอมแค่ให้ถ่ายฉากนี้เห็นเขามองสนามจากที่ไกลๆ เท่านั้น
![คิง เคนนี่ : หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว](https://static.siamsport.co.th/files/images/0_Floral-tributes-are-left-outside-Liverpools-Anfield-stadium-to-mark-the-23rd-anniversary-of-the-Hillsborough-Disaster.jpg)
“นั่นเป็นระยะที่ใกล้ที่สุดเท่าที่ผมพร้อมจะเข้าใกล้สนามนั้นสำหรับการกลับไปที่นั่น” เคนนี่ กล่าว
“ผมไม่เคยกลับเข้าไปในสนามเลย และจะไม่มีวันทำอย่างนั้นด้วย ผมไม่สนหรอกว่ามันเป็นความคิดที่เหมาะสมในสายตาของคนอื่นรึเปล่า แต่สำหรับผม มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง”
“คุณไม่มีวันลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไปได้หรอก พอนึกถึงเรื่องที่ว่าแต่ละครอบครัวต้องเจอกับอะไรบ้าง และการที่พวกเขาต้องสังเวยชีวิตของตัวเองแล้ว มันก็ทำให้การพยายามลืมเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเราทุกคน”
และหนึ่งในฉากสารคดีชิ้นนั้น มาเรียน่า ภรรยาของ เคนนี่ เปิดใจว่า โศกนาฏกรรมนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตครอบครัวเป็นอย่างมาก
“หัวใจเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ หลังเกิดเรื่องที่ ฮิลส์โบโร่ ตอนนั้นอารมณ์ของเขาแปรปรวนง่ายจนไม่น่าใช้ชีวิตอยู่ด้วยเลย”
เคนนี่ ยอมรับว่าทุกวันนี้ ตัวเองยังสู้กับฝันร้ายที่ ฮิลส์โบโร่ห์ อยู่ แต่สิ่งที่ช่วยทำให้เขาเดินต่อไปข้างหน้าได้คือ ความกล้าหาญและความอดทนอดกลั้นของคนในครอบครัว
![คิง เคนนี่ : หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว](https://static.siamsport.co.th/files/images/article-1362725-0D69BB26000005DC-981_634x415.jpg)
“ผมฟื้นตัวจากมันแล้วหรือยังน่ะเหรอ? ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณจะรู้ได้ยังไงว่าในทางกลับกันแล้วคุณมีโอกาสจะเป็นยังไง? คุณจะรู้ได้ยังไงว่าสภาพของคุณจะต่างไปจากสิ่งที่เกิดขึ้นรึเปล่า?”
“ผมรู้เพียงว่าถ้าผมทำอะไรนิดหน่อยที่เป็นการช่วยเหลือพวกเขาแล้ว มันเป็นแค่เพียงเศษเสี้ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำให้ครอบครัวเราเท่านั้น ผมเป็นหนี้บุญคุณพวกเขา”
“ครอบครัวช่วยผมเอาไว้ได้ เพราะพวกเขาวางตัวได้ดีจนถึงขั้นเป็นแบบอย่างให้คนอื่นได้เลย”
“ถ้าคุณอยากคุยกับใครสักคนเกี่ยวกับเรื่องการสร้างประสบการณ์ของครอบครัว และแนวทางที่ครอบครัวควรทำเพื่อสนับสนุนกันและกันแล้วล่ะก็ ครอบครัวของผมก็เป็นตัวอย่างที่ดีเลย”
…
วันนี้ เคนนี่ ดัลกลิช ต้องต่อสู้กับไวรัสร้าย “โควิด-19” ซึ่งในวัย 69 ปี ถือเป็นช่วงอายุที่อันตรายและต้องดูแลอาการอย่างใกล้ชิด
“เขาหวังจะได้กลับบ้านเร็วๆ นี้ เพื่ออยากให้ทีมแพทย์มีพื้นที่สำหรับการทำงาน ในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้” ส่วนหนึ่งคำแถลงจากครอบครัว ดัลกลิช
![คิง เคนนี่ : หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว](https://static.siamsport.co.th/files/images/thumb_104586_default_news_size_5.jpeg)
ทุกสิ่งที่เขาเคยผ่าน ทนทุกข์กับมันอยู่นานหลายปี เชื่อเลยว่าเรื่องนี้ เคนนี่ คงคิดในใจว่า “สบายๆ ” และพร้อมจะสู้เพื่อขจัดไวรัสตัวนี้ออกไปให้ได้
Get Well Soon ครับ คิง เคนนี่…
คลิกเลย >>> ข่าวฟุตบอล
คลิกเลย >>> https://www.montadaphp.net/