UFABETWINS สัญญาใหม่ไบญี่ การตัดสินใจของคาวานี่ สู่อนาคตปีศาจแดง

การต่อสัญญาของเอริค ไบญี่ส่งผลให้มองเห็นแพลนเสริมทีมของแมนยูได้ง่ายขึ้น ในขณะที่อนาคตของทีมจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจต่อสัญญาหรือไม่ของเอดินสัน คาวานี่ เป็นตัวแปรสำคัญที่ต้องจับตามอง

หลังจากที่เอริค ไบญี่ พักเบรคสโมสรไปรับใช้ทีมชาติ และติดโควิด19 จนต้องไปรักษาอาการโควิดอยู่หลายสัปดาห์ ตอนนี้เขาได้กลับมาอยู่กับทีม และมีชื่อบนม้านั่งสำรองตั้งแต่เกมนัดที่แล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวหนาหูที่ตีข่าวกันอย่างสนุกสนานช่วงที่เขาหายไปจากทีมว่า ไบญี่ ลังเลที่จะต่อสัญญาเพราะมีปัญหาเรื่องโอกาสการลงสนาม และมีทีท่าว่าจะย้ายออกจากทีมในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันก่อนได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดว่า เอริค ไบญี่ ปราการหลังวัย27ปี ได้ประกาศต่อสัญญากับแมนยูไนเต็ดไปจนถึงปี 2024 พร้อมด้วยออฟชันขยายสัญญาอีกหนึ่งปีแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ไบญี่ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ในครั้งนี้ว่า”ผมมีความสุขมาก การตัดสินใจครั้งนี้แทบจะไม่ต้องคิดเลย เพราะผมรักสโมสรนี้ ผมรักการลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ผมมีความสุขมากๆ และครอบครัวผมก็เช่นกัน ทุกอย่างดีเยี่ยมเลย นี่คือช่วงเวลาที่ผมก้าวข้ามผ่านอาการบาดเจ็บมาได้แล้ว ผมฟิตสมบูรณ์และรู้สึกดีเยี่ยม ก็นั่นแหละครับ สัญญาใหม่นี้เป็นความท้าทายครั้งใหม่ที่ผมพร้อมจะลุยมานานแล้ว”

หลังจากที่ย้ายมาจากบีญารีลในปี2016 เขายอมรับว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆสำหรับนักเตะในด้านความมั่นคงนอกสนามที่ควรต้องเคลียร์อนาคตให้เรียบร้อย และมันก็เป็นความยินดีอย่างมากที่ผู้จัดการทีมและสตาฟฟ์ยังคงมีศรัทธาในตัวเขาอยู่

“เพราะเป็นเช่นนั้นผมถึงได้บอกว่า การได้สัญญาใหม่นี้มันแสดงให้เห็นว่าทีมมีความเชื่อมั่นในตัวผม ทั้งผู้จัดการทีม สตาฟฟ์โค้ช นักเตะในทีม ซึ่งสำหรับผมมันสำคัญมากๆ ความเชื่อมั่นนี้แหละทำให้ผมตัดสินใจจะอยู่โยงกับสโมสรต่อไป”

เอริค ไบญี่ ได้แชมป์ยูโรปาลีกกับปีศาจแดงปี2017 และรอบรองชนะเลิศในปีนี้ ยูไนเต็ดกำลังจะลงสนามเจอกับทีมหมาป่าจากกรุงโรมที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในวันพฤหัสบดีนี้

“สำหรับผมมันเหมือนฝันที่ได้อยู่ที่นี่ ตอนนี้คือซีซั่นที่ห้าแล้วสำหรับผม และผมก็หวังว่าจะได้อยู่ที่นี่ไปนานๆ”

“เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีนะ เรามีลุ้นในยูโรปา เราอยู่อันดับสองในลีก ซึ่งมันเยี่ยมมากเลย เราหวังว่าจะคว้าแชมป์ในถ้วยนี้ได้ มันสำคัญสำหรับเรา สำหรับแฟนๆ และสำหรับซีซั่นนี้ และใน พรีเมียร์ลีกเองเรา ก็ต้องการจะจบ ด้วยอันดับที่ดีที่สุดด้วย และผมว่าเราทำได้”

“ผมหวังว่าผมจะพร้อมลงสนาม ไม่มีบาดเจ็บ และหวังว่าจะกลับมาแข็งแรงและลงเล่นจนจบซีซั่นได้อย่างดี ผมอยากให้ทีมเราได้แชมป์ยูโรปาลีกซีซั่นนี้ และเราก็จะมีความท้าทายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในซีซั่นหน้า ซึ่งหวังว่าจะเป็นในแชมเปี้ยนส์ลีก สำหรับตัวผมเองนั้นความฝันคือการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก นั่นคือความฝันใหญ่ของผม”

เมื่อถูกถามว่ารู้สึกยังไงต่อการที่ปีศาจแดงจะขึ้นมาเป็นตัวเต็งในการท้าชิงแชมป์ซีซั่นหน้านั้น เขาตอบกลับมาว่า

“ผมเชื่อนะ ผมเชื่อ เชื่อในเพื่อนร่วมทีม พวกเรายอดเยี่ยม เป็นทีมที่อายุน้อย และก็กระหายที่จะพัฒนาอยู่ตลอดเวลาซึ่งนั่นสำคัญมากๆสำหรับทีมเราในฤดูกาลถัดไป”

โอเล่ กุนนาร์ โซลชากล่าวเสริมการต่อสัญญาของไบญี่เอาไว้ว่า

“ผมยินดีมากๆที่เอริคต่อสัญญาใหม่ เขายังคงเรียนรู้และพัฒนาตัวเองกับทีมโค้ชของเราอยู่ตลอดเวลา”

“เอริคพัฒนาในด้านความแข็งแรงของเขานับตั้งแต่ผมมาเป็นผู้จัดการทีม และเขาจะเป็นส่วนสำคัญในทีมของเราต่อไป”

“เขามีความเร็วที่น่ามหัศจรรย์มาก และการกะจังหวะเข้าแทคเกิลซึ่งมีความดุดันอยู่ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค เขาเป็นสมาชิกที่ป็อปปูลาร์มากของทีมเรา และเราจะทำงานร่วมกันกับเขาต่อไป”

ทั้งหมดนี้คือประเด็นหนึ่งของข่าวคราวในสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่เกิดขึ้นในช่วง1-2วันที่ผ่านมา เกี่ยวกับการต่อสัญญาของนักเตะตัวหลักในทีมเรา ซึ่งเป็นการทำให้แฟนบอลได้รู้ว่า ทีมวางแพลนที่ต้องการจะเก็บไบญี่เอาไว้ในทีมแบบ “ระยะยาว” และเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างทีมชุดปัจจุบันไปจนกว่าจะถึงปี 2024 ซึ่งมีออฟชั่นขยายได้อีกถึงปี 2025 (ซึ่งปกติก็จะขยายอยู่แล้ว)

นั่นแปลว่า อย่างน้อยๆเอริคจะอยู่กับแมนยูไนเต็ดไปจนถึงช่วงอายุราวๆ30-31ปีเลยทีเดียว กับช่วง4ปีต่อไปนี้

การต่อสัญญาใหม่ไบญี่ทำให้เราเห็นอะไรในแผนงานและ“โครงสร้างนักเตะ”ในทีมบ้าง?

1.การันตีตัวหลักที่ใช้งาน

อย่างแรกสุดเลยก็คือ นี่เป็นการต่อสัญญายาวกับนักเตะที่มีสถานะอยู่เป็นหนึ่งในนักเตะตัวจริงของทีม ที่ทำหน้าที่สลับกันลงสนามเพื่อเป็นคู่หูของแฮรี่ แมกไกวร์ กัปตันทีมตัวหลัก

แม้ไบญี่จะไม่ได้ลงสนามทุกเกม แต่ลักษณะของการ “สลับใช้” กับวิคตอร์ ลินเดอเลิฟเช่นนี้ เราจึงสามารถระบุสถานะของเขาเอาไว้เป็น first team player ได้อีกหนึ่งคน เพราะเขาไม่ใช่นักเตะตัวสำรองเบอร์ท้ายๆที่เอาไว้ลงฉุกเฉิน อย่างเช่นในกรณีของผู้เล่นสำรองตำแหน่งกองหลังอย่าง “Axel Tuanzebe” ที่น้องตวนถือว่าเป็นตัวสำรองแบบจริงๆจังๆ

เมื่อเป็นเช่นนั้น เอริค ไบญี่ จะถูกนับเป็น 1ใน3 slot ของ “Centre-Backตัวจริง” ของทีม และการต่อสัญญาหมายถึง ทีมเลือกที่จะใช้เขาลงสนาม อย่างจริงจังต่อเนื่องระยะยาวไปอีก3-4ปี

ดังนั้นแปลว่า พื้นที่ตำแหน่งกองหลัง ถูกfixเอาไว้ด้วยตัวยืนหลักๆอย่าง แมกไกวร์ ลินเดอเลิฟ และ ไบญี่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่ยังมี กองหลังอันดับ4อย่าง ตวนเซเบ้ รอสแตนด์บายสำรองอีกหนึ่งคนในยามฉุกเฉินเผื่อมีคนเจ็บ

เท่ากับว่าตอนนี้ยูไนเต็ดมี CB แล้วถึง “4คน” เต็มๆ โดยที่ยังไม่นับ ฟิล โจนส์ ที่กำลังรักษาอาการบาดเจ็บในกระบวนการของเวชศาสตร์ฟื้นฟู นั่นแปลว่าเรามีเซ็นเตอร์อยู่ 5คนในทีม ตราบใดที่โจนส์ และตวนเซเบ้ยังอยู่ในทีม

2. slot ผู้เล่นกองหลังเต็มจำนวน

ตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คที่ลงได้แค่เกมละ2คนเท่านั้น และส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนตัวระหว่างเกม ถ้าไม่เจ็บจริงๆผู้จัดการทีมจะไม่เปลี่ยนตำแหน่งนี้ เพราะเป็นตำแหน่งสำคัญที่ต้องใช้ความเข้าใจเกม และการเซ็ตpositionเกมรับที่มั่นคงและแน่นอนมากๆ

ไม่สามารถเปลี่ยนตัวซี้ซั้ว หรือยืนสลับตำแหน่งกันได้ง่ายๆ

นอกจากนี้ เซ็ตเตอร์แบ็คถือเป็นอีกตำแหน่งที่ค่อนข้างจะไม่ได้ใช้ร่างกายหนักเท่ากับกองกลาง ในขณะที่ก็ไม่ต้องใช้การ “วิ่ง” มากเท่ากับนักเตะตัวรุกด้วย การเล่นกองหลัง โดยเฉพาะเซ็นเตอร์แบ็คที่ยืนตรงกลางจะได้จังหวะสปรินท์เวลาที่ต้องดวล หรือวิ่งไล่กวดกองหน้าคู่แข่งเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่จะใช้วิธีค่อยๆปรับ ขยับตำแหน่งตัวเองในสนามเอา ไม่ได้จะต้องสปรินท์หนักตลอดทั้งเกม

ดังนั้นผู้เล่นตำแหน่งนี้จึงไม่ถึงกับเหนื่อยมาก และสามารถที่จะลงเล่นต่อเนื่องหลายๆนัดได้ อย่างที่เราเห็นว่า แฮรี่ แมกไกวร์ และกองหลังตัวหลักในทีมต่างๆ มักจะได้ลงสนามแทบทุกนัด โดยที่ไม่มีอาการอ่อนล้ามากเท่ากับตำแหน่งอื่นๆที่ต้องrotationและสลับกันลงไปเล่นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะพวกตัวรุกสายสปีดทั้งหลาย และกองกลางที่ต้องเล่นเกม”ปะทะ”ในแดนกลางตลอดเวลา ในขณะที่เซ็นเตอร์จะเข้าแทคเกิลแค่เฉพาะที่ถูกบุกกดดันเข้าพื้นที่สุดท้ายเท่านั้น

ภายใต้ยุคโซลชาที่ผ่านมา เชื่อว่าแฟนผีคงจะเห็นกันดีว่า เราใช้เซ็นเตอร์ลงเล่นแบบจริงๆจังๆเพียงแค่3คนเท่านั้น โดยมีแมกไกวร์เป็นตัวยืนหนึ่ง ลงทุกนัด โดยใช้คู่หูเป็นลินเดอเลิฟสลับกับไบญี่ยามที่ฟิต  ส่วนอีกคนนึงอย่างตวนเซเบ้ แฟนผีก็จะเห็นว่า “นานๆที” เท่านั้นที่น้องจะได้ลงสนามมาให้เราเห็น

เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงแทบไม่ต้องใช้ตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คเกินไปกว่า “4ตัว”

ยืนพื้น 4ตัวคือปริมาณที่กำลังดีสำหรับการมีตัวหลัก + ตัวเปลี่ยน + ตัวสำรองเผื่อฉุกเฉิน แล้วหลังจากนั้นคนที่5-6 เราก็อาจจะใช้นักเตะดาวรุ่งในทีมเยาวชนที่มีแวว เอาขึ้นมาเป็นสำรองยามจำเป็นได้ในบางครั้ง

เมื่อเกิดการต่อสัญญาไบญี่เกิดขึ้น ในขณะที่โซลชาเองแสดงออกชัดเจนว่า เขาพึงพอใจกับการจับคู่”แมกไกวร์ + ลินเดอเลิฟ” อย่างมาก โดยนัดสำคัญๆทั้งหลายจะเป็นคู่นี้ลงยาวๆ ในขณะที่เกมกลางสัปดาห์ก็จะส่งไบญี่ลงสนามมาบ้าง แล้วแต่แทคติก หรือการrotationนักเตะ

เพราะงั้นจะเห็นได้ว่า “กองหลังตัวจริง” เต็ม3 slotเน้นๆ ทั้งคู่หลัก ทั้งตัวเปลี่ยน แถมมีสำรองเป็นเด็กปั้นสโมสรอีกหนึ่งคนที่พร้อมลงตลอดเวลา รวมเป็น4

คำถามก็คือ แล้วแบบนี้จะเอา “slot” ที่ไหนเหลือให้กับ “กองหลังตัวใหม่” ที่จะซื้อเข้ามาในตลาดนักเตะนี้

3. ความเร่งด่วนในการเสริมกองหลัง จะถูกลดpriorityลง

ประเด็นนี้สำคัญ เป็นผลต่อเนื่องมาจากข้อสอง นั่นก็คือ เมื่อเราต่อสัญญา มันเป็นเหมือน “หลักประกัน” ที่จะทำให้แมนยูมีกองหลังตัวหลักใช้งานไปยาวๆอีกหลายปีถึง3คน ซึ่งภาวะที่จะต้องเสริมกองหลังแบบเร่งด่วนนั้นจะลดลง เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ อนาคตของเอริค ไบญี่ ยังไม่แน่นอน มีข่าวลือหนาหูว่าเขาต้องการย้าย

แต่ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจน และ เคลียร์แล้วว่า อย่างน้อยๆเรามีหลักประกันเป็น กัปตันแมก ลินเดอเลิฟ และไบญี่ไปอีก3-4ปีเลย ซึ่งการที่โอเล่เลือกจะตัดสินใจต่อสัญญากับเอริค ไบญี่ แปลว่าโอเล่เชื่อใจในฝีเท้าของไบญี่

ความเร่งด่วนที่ต้องซื้อกองหลังจึงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

อนึ่ง.. แม้ความเร่งด่วนจะลดลง แต่ไม่ได้หมายความว่าเรา “ไม่ต้องเสริมกองหลังใหม่”

เรายังคงต้องซื้อกองหลังใหม่อยู่ดีเพื่อที่จะพัฒนาทีมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และอย่างที่แฟนผีและพวกเราเห็นกันว่า ทีมยังมีปัญหาอยู่หลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการมีเซ็นเตอร์แบ็คสายสต็อปเปอร์อีกคนนึงเพื่อที่จะใช้ในแทคติกเกมรับ สำหรับบางเกมที่ต้องเข้าปะทะเร็วเพื่อหยุดเกมรุกคู่แข่งที่มีตัวทำเกมรุกเก่งๆ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าไบญี่จะบาดเจ็บไปอีกเมื่อไหร่

นอกจากนี้เรายังต้องการคนช่วยแก้ปัญหาเรื่องลูกโด่ง ที่ทุกวันนี้คนที่เชื่อใจได้จริงๆคือแมกไกวร์รายเดียวเท่านั้น แต่คู่แข่งก็ฉลาดพอที่จะส่งกองหน้าตัวเป้ามายืนดวลกับCBอีกคนนึงที่ไม่ใช่แมกไกวร์ เพราะมีโอกาสเอาชนะลูกกลางอากาศได้มากกว่า

นอกจากแมกไกวร์แล้ว แผงแบ็คโฟร์คนอื่นๆของเราไม่มีใครแข็งแกร่งเพียงพอ และมีสถิติAerial Duels ที่ดีในการหยุดลูกกลางอากาศได้แบบชะงัด เพราะยูไนเต็ดมักจะโดนเซ็ตพีซกดดันใส่อยู่เสมอ อย่างล่าสุดที่โดนทาร์คอฟสกี้โหม่งตัดหน้าได้ นั่นก็เป็นปัญหานี้เช่นกัน หากมีคนแบ่งเบาภาระแมกไกวร์อีกสักคนคงจะแก้ปัญหานี้ได้ดีขึ้น

สรุปแล้ว “เรายังจำเป็นต้องเสริมกองหลังให้แข็งแกร่งกว่านี้” เพียงแต่ว่า มันยังไม่ต้องรีบซื้อทันทีทันใดขนาดนั้น

เพราะเมื่อตัวผู้เล่นมัน “ครบ” ทั้งคู่หลัก ทั้งตัวเปลี่ยน ทั้งตัวแบ็คอัพแล้วนั้น ความเร่งด่วนที่จะต้องซื้อกองหลังในตอนนี้ ก็ลดระดับความเร่งด่วนลงไปเหลือเพียงแค่ระดับ “กลางๆ” (เคสสีเหลือง) เท่านั้นเองในการซื้อตัวมาเสริมทีม

นั่นคือสิ่งที่เป็นผลจากการต่อสัญญาไบญี่ เพราะนอกจากจะทำให้เราไม่ต้องเสียไบญี่ไป ก็ยังเป็นการรับประกันว่าทีมจะมีกองหลังตัวหลักเอาไว้ใช้งานเป็นกระดูกสันหลังของทีมได้อีกหลายปี แม้กระดูกอาจจะเปราะไปนิด(ฮา) แต่ก็ดีกว่าการต้องไปควานหาและเสียเงินซื้อนักเตะใหม่ทีนึง50-60ล้านแน่นอน

ในยุคที่ทีมต้องรัดเข็มขัดจากภาวะโควิด เราใช้วิธีต่อสัญญาก็สามารถลดค่าใช้จ่ายให้ทีมได้เยอะ โดยที่ได้ผลลัพธ์เป็นการมีนักฟุตบอลไว้ใช้งานเหมือนกัน

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการต่อสัญญาไบญี่นั้น ก็ส่งผลกระทบลูกโซ่ต่อ แผนการเสริมทีม อย่างชัดเจน เมื่อเรามีหลักประกันในแดนหลังและทำให้เคสมันไม่เร่งด่วนแล้วนั้น นั่นแปลว่า ทีมจะสามารถ “โฟกัสแอเรียอื่นๆ” ได้แบบเต็มๆ โดยที่ยังไม่ต้องเร่งเดินดีลกองหลังแต่อย่างใด (อืม แปลว่าตูคงไม่ต้องรีวิวมิเลนโควิช, เปา ตอเรส หรือ จูลส์ คุนเด้เพิ่มแล้วสินะ)

คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/

ติดตามได้ที่ >>> บ้านผลบอล